แถลงการณ์ร่วม 6 องค์กรวิชาชีพสื่อ เรื่อง ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราวงดใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 29

แถลงการณ์ร่วม 6 องค์กรวิชาชีพสื่อ

เรื่อง ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราวงดใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 29

สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มสื่อมวลชนและภาคประชาชน ได้ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ศาลเพิกถอนข้อกําหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 29) ซึ่งมีเนื้อหาที่ส่อว่าเป็นการให้อำนาจรัฐปิดกั้นข้อมูลข่าวสารและลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความเห็นอย่างร้ายแรง พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ศาลสั่งให้ระงับการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวจนกว่าจะมีคำพิพากษานั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ศาลแพ่งได้มีคำสั่งห้ามนายกรัฐมนตรีใช้ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยศาลชี้ว่า การห้ามเผยแพร่ข่าวที่อาจสร้างความหวาดกลัวมีความคลุมเครือ ไม่มีมาตรการที่ชัดเจน อาจทำให้ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน อีกทั้งข้อกำหนดที่นายกฯ ออกมานั้น ยังเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุและไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและการใช้อำนาจระงับการบริการ

อินเทอร์เน็ตก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะกระทบการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน รายละเอียดดังเอกสารข่าวที่ศาลแพ่งเผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว

6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ตามรายนามท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลแพ่งอย่างเคร่งครัด และนำเอาความเห็นดังกล่าวของศาลแพ่งไปพิจารณาทบทวนมาตรการอื่น ๆ ของรัฐบาลที่อาจจะกระทบต่อเสรีภาพในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

นอกจากนี้ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนยังขอย้ำในจุดยืนเดิมที่ได้เคยเรียกร้องต่อรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ รัฐบาลต้องยกเลิกข้อความในข้อที่ 11 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) รวมทั้งข้อกำหนดฉบับที่ 29 (ทั้งฉบับ) โดยไม่ชักช้า เนื่องจากข้อกำหนดทั้ง 2 ฉบับ มีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนอย่างชัดเจนดังที่เคยเรียกร้องไปแล้ว

ท้ายที่สุดนี้ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอสนับสนุนการใช้สิทธิ์โดยชอบตามกฎหมายของกลุ่มสื่อมวลชนและภาคประชาชนในการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งดังกล่าว พร้อมเป็นกำลังใจให้กับสื่อมวลชนทุกแขนงที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลัก

จริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัดเพื่อนำข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและครบถ้วนรอบด้านมาเสนอแก่ประชาชน รวมทั้งสะท้อนปัญหาความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์วิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ไขและนำพาประเทศกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 

สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย

7  สิงหาคม 2564