ชำแหละปฏิรูปสื่อ : ‘จอกอ’

googlehangout

ชำแหละปฏิรูปสื่อ

ชำแหละปฏิรูปสื่อ : ‘จอกอ’จักร์กฤษ เพิ่มพูน

             ความหมายจริงๆ ก็คือ ชำแหละกรอบความเห็นร่วมปฏิรูปประเทศไทย ด้านสื่อสารมวลชน ซึ่งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จัดทำเป็นรูปเล่มให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ใช้เป็นสารตั้งต้น ในการศึกษา ต่อยอด เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปให้สอดคล้องกับบริบทสังคมปัจจุบัน

การชำแหละ หรือพูดให้ดูเป็นวิชาการว่า เป็นการวิเคราะห์เนื้อหาข้อเสนอแนวทางปฏิรูปสื่อของ คสช.จะทำในสองฐานะ หนึ่ง คือในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งที่มีส่วนได้เสียกับการปฏิรูปครั้งนี้ สอง ในฐานะเจ้าของวรรณกรรมที่ คสช.ถือวิสาสะนำไปบรรจุไว้ในกรอบความเห็นนี้ โดยไม่ปรับเปลี่ยนแม้สักถ้อยคำหนึ่ง

คงมีประเด็นที่ต้องถกแถลงกันชนิดเข้มข้นอีกหลายวาระ ในเรื่อง “สื่อแท้” และ “สื่อเทียม” และความพยายามที่จะเสนอแนวคิด การตีตราผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน แต่ในคำนำของคณะทำงานที่อธิบายว่า เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหนังสือ รายงานการวิจัย เอกสารและบทความที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลจากประชาชนทั้งโดยสัมภาษณ์เชิงลึก การประชุมกลุ่มย่อย การเสวนา และรับข้อมูลเสนอผ่านทางโทรศัพท์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ จดหมาย และข้อคิดเห็นจากองค์กร หน่วยงานหรือบุคคลที่สนใจ จากนั้นนำข้อมูลทั้งหมดมาสังเคราะห์เพื่อให้ได้กรอบความเห็นร่วม

ผมเรียกมันอย่างตรงประเด็นได้เพียงว่า เป็นการ “ตัดต่อ” หาได้เป็นการวิเคราะห์ สังเคราะห์อย่างใดไม่

ร้ายกว่านั้น มีหลายวรรคตอนที่เป็นการถ่ายทอดการบันทึกเสียงคำต่อคำ โดยไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

“ผู้ที่จะเข้ามาเป็น หรือมาทำหน้าที่ในกระบวนการสื่อสารมวลชนนั้น พูดถึงคนที่ได้ร่ำเรียนมาเป็นอันดับแรก ในการเลือกข้างนั้น ในความเป็นจริงในสังคมปัจจุบัน และสิ่งที่เขาถือว่าเป็นบทบาทหน้าที่ของสื่อสารมวลชนนั้น เป็นสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกนั้น คือสื่อสารมวลชนนั้นๆ ตามทฤษฎีจะต้องมีจริยธรรม มีจรรยาบรรณ ฉะนั้นถ้ามีตรงนี้หรือมีความมั่นคงตรงนี้แล้วจะทำให้การเลือกข้างอาจจะเกิดน้อยลง ในสิ่งตรงนี้ ในจริยธรรม จรรยาบรรณนี้ เหมือนกับการควบคุมสื่อสารมวลชนด้วย เพื่อประโยชน์ของใคร เพื่อประโยชน์ของผู้ฟัง ผู้ชม ผู้อ่าน..”

             (กรอบความเห็นร่วมปฏิรูปประเทศไทย ด้านสื่อสารมวลชน ว่าด้วยคุณธรรมและจริยธรรมสื่อ หน้า 40 วรรคสอง)

การสื่อสารด้วยภาษาเขียนที่วกวน วรรคนี้ สรุปรวบรัดได้ง่ายๆ สั้น ว่า ผู้ที่จะเข้ามาสู่วิชาชีพสื่อมวลชนจะต้องศึกษา เรียนรู้ และมีความรับผิดชอบด้านจริยธรรม

ปัญหาของคนเรียบเรียงหรือคนเขียนกรอบความเห็นร่วมฉบับนี้ คือ ไม่มีทักษะในการสื่อสารด้วยภาษาเขียน ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับลูกศิษย์ของผมหลายคน เวลาที่ต้องตอบคำถามแบบบรรยาย แต่สิ่งที่อาจแตกต่างไปก็คือ ผู้รวบรวม หรือสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แม่งานครั้งนี้ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องพื้นฐานการทำงานของสื่อมวลชนอย่างแท้จริง

และเมื่อไม่รู้ก็ไม่พยายามที่จะแสวงหาความรู้ ดังนั้น เนื้อหาของกรอบความเห็นร่วมจึงกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง มีทั้งจริงและเท็จปะปนกันไป และที่สำคัญไม่มีบทสรุปสำหรับผู้บริหาร ที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะฉายภาพให้เห็นและเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

มีอีกหลายประเด็น ที่เป็นเรื่องของเนื้อหา รวมทั้งการลอกงานของผม ซึ่งเขียนไว้ในตำราบางเล่ม และเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน (หน้า 48-50) ที่อาจจำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม

สัปดาห์หน้าเราจะชำแหละกันเป็นรายประเด็น อย่างน้อยก็อาจเป็นคำตอบได้ว่า ถ้าทิ้งกรอบความเห็นร่วมนี้ไป หรือเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด งานปฏิรูปสื่ออาจจะเดินไปได้ตรงทางมากกว่านี้