เสรีภาพสื่อภายใต้ทุน : ‘จอกอ’

jkbbc

เสรีภาพสื่อภายใต้ทุน

เสรีภาพสื่อภายใต้ทุน : ‘จอกอ’จักร์กฤษ เพิ่มพูล

                 ระหว่างตอบคำถาม BBC Thai เรื่องเสรีภาพสื่อ ผ่านระบบ google Hangouts เมื่อราวสามสัปดาห์ก่อน คุณอิสสริยา พรายทองแย้ม ผู้ดำเนินรายการ บอกว่ามีผู้ชมทางบ้าน อยากให้มีการพูดคุยเรื่อง การซื้อสื่อ กดดันสื่อ และขู่สื่อ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเพียง 30 นาที จึงไม่ได้มีโอกาสพูดถึง แต่ผมเห็นว่าในบรรยากาศที่เราตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเสรีภาพในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทำให้สื่อต้องระมัดระวังมากขึ้น หรือไม่แน่ใจความชัดเจนในกฎเหล็กของ คสช.โดยเฉพาะประกาศ คสช.ฉบับที่ 103 การซื้อสื่อ กดดันสื่อ โดยทุน และด้วยการยอมรับโดยปริยายในการจำกัดสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ก่อนหน้านี้ ความเลวร้ายต่างกันหรือไม่

เรากลัว คสช. เพราะพวกเขาได้อำนาจมาโดยรัฐประหาร และมีเครื่องมือในรูปประกาศ คำสั่งต่างๆ ที่จะสั่งปิดสิ่งพิมพ์ ระงับรายการที่ฝ่าฝืน ซึ่งผมมีความเห็นแย้งว่า การทำงานที่ตรงไปตรงมา วิพากษ์วิจารณ์โดยไม่มีอคติ ถ้าหากจะถูกตีความว่าละเมิดอำนาจ หรือฝ่าฝืนคำสั่งห้าม ก็ต้องต่อสู้กันด้วยเหตุด้วยผล แต่อย่างน้อยการคัดค้านประกาศ คสช.ฉบับที่ 108 ที่สั่งให้ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สอบสวนผู้จัดการสุดสัปดาห์ และผมโต้แย้งอำนาจ จนกระทั่งคสช.ยอมทำตามขั้นตอนปกติของการร้องเรียน ก็น่าเชื่อว่า คสช.มีเหตุมีผลที่พอจะพูดจากันได้

เราไม่แน่ใจว่าเรากลัวอำนาจทุนหรือไม่ แต่เรายินดีทำตามอำนาจนั้นแม้จะเป็นการลิดรอนเสรีภาพอย่างเปิดเผยโดยไม่ปริปาก

หากสำรวจโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อขนาดกลาง-ใหญ่ ทั้งสิ่งพิมพ์ สื่อทีวีดิจิทัล ล้วนมีทุนใหญ่ ที่มีสายสัมพันธ์เชิงอำนาจกับผลประโยชน์เกือบทั้งสิ้น อำนาจที่ส่งผ่านทุนนี่เอง ที่เป็นตัวกำหนดวาระข่าวสารของสื่อ ที่เป็นปัจจัยสำคัญให้คำถามเรื่องเสรีภาพสื่อในยุครัฐบาลประชาธิปไตยไม่แตกต่างไปจากรัฐบาลทหาร และเมื่อเราพูดถึง “สื่อการเมือง” เราก็ไม่อาจปฏิเสธว่า กระเป๋าเงินใบใหญ่ที่เป็นทุนสนับสนุนนั้น ก็มาจากเครือข่ายผู้สนับสนุนพรรคการเมือง หรือกลุ่มผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั่นเอง

นอกจากแหล่งทุนดังกล่าวแล้ว รายได้ส่วนใหญ่ของสื่อที่มาจากทุนเอกชน ทุนประชาสัมพันธ์ภาครัฐ โดยผ่านพื้นที่โฆษณา ก็มีอิทธิพลไม่น้อยในการกำหนดความเป็นไปของสื่อนั้น การไหลเข้าของทุนรัฐ ยังรวมถึงงบประมาณสนับสนุนในรูปแบบอื่นๆ เช่น การจัดกิจกรรมทางการตลาด หรือ event marketing ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัท เงินรายได้นับร้อยล้านบาท ไม่อาจแยกส่วนจากการทำงานของกองบรรณาธิการได้ ดังนั้น เราจึงได้เห็นการให้พื้นที่กับนักการเมือง หรือพรรคการเมืองที่เป็นผู้มีอำนาจในขณะนั้น มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะปฏิเสธความจริงหรือไม่ก็ตาม

ดังนั้น เมื่อเรามองเสรีภาพภายใต้อำนาจจากการรัฐประหาร ไม่มียุคสมัยใดที่ผู้มีอำนาจจะไม่พยายามควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ โดยผ่านประกาศและคำสั่งซึ่งมีฐานะเสมอกฎหมาย แต่ความเข้มของคณะรัฐประหารก่อนหน้านี้ ชัดเจน ตรงไปตรงมา เช่น การไปล่ามโซ่แท่นพิมพ์ การจับกุมคุมขังนักหนังสือพิมพ์ที่แข็งข้อ ไปจนกระทั่งการเข้าไปแทรกแซงกองบรรณาธิการ และการยึดอำนาจในองค์กรวิชาชีพ ซึ่งนักข่าวรุ่นหลังอาจไม่เคยรู้มาก่อน

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจจอมพล ป. พิบูลสงคราม และสั่งปิดหนังสือพิมพ์กว่า 10 ฉบับ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ภาษาจีนถูกปิดเกือบทั้งหมด ยกเว้น “ซิงเสียนเยอะเป้า” และ “สากล” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฝ่ายจีนไต้หวัน สำหรับหนังสือพิมพ์ไทยฉบับสำคัญ เดลิเมล์ บางกอกเดลิเมล์ ข่าวภาพ เสถียรภาพ ถูกปิดไม่มีกำหนด สารเสรี และไทรายวัน ไม่ปิดแต่มีการเปลี่ยนแปลงภายในกองบรรณาธิการ นอกจากนั้น จอมพลสฤษดิ์ยังส่งนายสุรจิตต์ จันทรสาขา น้องชายต่างมารดา เข้าไปยึดสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

การใช้อำนาจของคณะรัฐประหารยุคใหม่ คลายความเข้มลงไปมาก ถึงกระนั้นก็ยังคงน่าหวาดหวั่น แต่กับอำนาจทุนที่ลิดรอนเสรีภาพโดยที่รู้กันอยู่เต็มหัวใจ กลับเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามไป