ประธานสภาการฯ ย้ำสื่อมวลชนอาเซียนต้องร่วมมือกันก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 63 นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ (The National Press Council of Thailand) ได้เข้าร่วมเสวนาออนไลน์ซึ่งจัดขึ้นโดยเครือข่ายสภาสื่อมวลชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Press Councils Network หรือ SEAPC-Net) ในหัวข้อ “Southeast Asia Journalism in New Normal Era: The Need for Media Partnership” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลความเคลื่อนไหวในแวดวงวิชาชีพสื่อมวลชนในที่กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ได้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจสื่ออย่างรุนแรง อีกทั้งมีการแบ่งปันประสบการณ์การให้ความช่วยเหลือ หรือมาตรการจากฝ่ายต่าง ๆ อาทิ องค์กรวิชาชีพสื่อ ภาครัฐ ตลอดจนเอกชน ในการประคับประคองผู้ประกอบวิชาชีพให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมืออาชีพในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
โดย ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ได้กล่าวถึงสถานการณ์วงการสื่อในประเทศไทย ซึ่งจากเดิมก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อ และพฤติกรรมผู้รับสาร ทำให้สื่อดั้งเดิมต้องหาทางปรับตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยิ่งทำให้อุตสาหกรรมสื่อลำบากมากขึ้น ตลอดช่วงที่ผ่านมามีรายงานการปรับโครงสร้างองค์กร เลิกจ้างพนักงาน ปรับลดค่าใช้จ่ายในรูปแบบต่าง ๆ มีผู้ประกอบวิชาชีพสื่อตกงานจำนวนมาก ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เปลี่ยนสายอาชีพไปประกอบอาชีพอื่นตามความถนัดและโอกาส หรือผันตัวออกมาตั้งสำนักข่าวในแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนไม่น้อย
สำหรับประเด็นความร่วมมือสื่อมวลชนนั้น ประธานสภาการฯ มองว่า COVID-19 อาจจะเป็นวิกฤตแต่ก็ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้สื่อมวลชนทั้งในและนอกภูมิภาคใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น สนับสนุนการปรับตัวในการทำงานให้สอดรับกับความปกติใหม่ (New Normal) โดยยกตัวอย่างการรวมตัวขององค์กรวิชาชีพสื่อในภูมิภาคทั้ง SEAPC-Net และสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน (Confederation of ASEAN Journalists: CAJ) ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่จะมีการพบปะหารือกันเป็นระยะ รวมทั้งจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพสื่อมวลชน แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาด ไม่สามารถเดินทางได้ ก็ปรับตัวนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสนับสนุนการทำงานร่วมกัน หรือความสัมพันธ์ระหว่างสมาคมนักข่าวฯ กับสมาคมนักข่าวเวียดนาม (Vietnam Journalists Association: VJA) ที่สนิทแนบแน่นกันมายาวนาน เมื่อเกิดวิกฤตครั้งนี้ ทางสมาคมนักข่าวเวียดนามได้เสนอที่จะมอบหน้ากากอนามัยเพื่อมาแจกจ่ายให้เพื่อนสื่อไทยด้วย
นายชวรงค์กล่าวด้วยว่า สื่อมวลชนในอาเซียนต้องสามัคคียิ่งขึ้น และพัฒนาความสัมพันธ์ให้เหนียวแน่นมากขึ้นในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เพราะการสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนและตรวจสอบข้อมูล จะช่วยให้สื่อมวลชนสามารถรายงานข่าวได้อย่างถูกต้อง เป็นไปตามหลักวิชาชีพ และจริยธรรม
“สื่อมวลชนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหา COVID-19 ได้โดยตรง แต่การรายงานสิ่งที่ถูกต้อง การเรียนรู้จากบทเรียนซึ่งกันและกันเพื่อส่งต่อความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ การช่วยกระจายข้อแนะนำจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสู่สังคม สิ่งเหล่านี้คือการดำเนินบทบาทของสื่อเพื่อสนับสนุนให้สังคมผ่านพ้นวิกฤตได้” นายชวรงค์กล่าว