ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้วิพากษ์การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนว่าเป็นการนำเสนอโดยขาดข้อเท็จจริง และไม่คำนึงถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศชาตินั้น สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอชี้แจงว่า
๑. สื่อมวลชนทุกแขนงมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นนำเสนอสู่สาธารณะ เพื่อความเข้าใจของคนในสังคม และกระบวนการแก้ไขของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับ
๒. ในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน อาจมีข้อบกพร่อง ผิดพลาด และอาจจะกระทบต่อบทบาทอำนาจขององค์กรต่างๆ ของสังคม ซึ่งในความผิดพลาดดังกล่าวนั้นสื่อมวลชนก็พร้อมที่จะเยียวยาแก้ไข และแสวงหาทางออก กระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องต่อสังคม เพราะสื่อมวลชนพร้อมจะรับฟังเสียงสะท้อนและความเห็นของทุกฝ่าย
๓. จากกรณีที่นายกรัฐมนตรี ได้มีท่าทีแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา และขอให้องค์กรสื่อไปตรวจสอบดูแลกำกับกันเองนั้น ทางสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอชี้แจงว่าประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการระดมความเห็นของคณะทำงานปฏิรูปสื่อที่ผลักดันให้กลไกการกำกับดูแลกันเองของสื่อมวลชนสามารถเกิดขึ้นได้จริงและมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคม
๔. กรณีการทำหน้าที่ของคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในกรณีนำเสนอรายงานข่าวเกี่ยวกับแรงงานประมงไทย ที่ตกค้างอยู่ในประเทศอินโดนีเซียนั้น ทางสมาคมฯ เห็นว่า เป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ต้องการสะท้อนปัญหาและความทุกข์ยากของคนไทยด้วยกันที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในทุกภาคส่วนร่วมกันอย่างจริงจัง
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอยืนยันว่าการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้น ต้องทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์สาธารณะ และมีความรับผิดชอบในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารนั้นๆ ข้อมูลและความคิดเห็นต่างถือเป็นความก้าวหน้าและการเปิดกว้างของประเทศที่มีประชาธิปไตย แต่ทั้งนี้ย่อมตั้งอยู่บนพื้นฐานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๘